Vistra Collagen Type II (30 Tablets) x 2 ขวด
VISTRA COLLAGEN TYPE II
"Be Flexibility and Comfort Movement"
เพื่อให้ทุกๆก้าวของคุณเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิสทร้าขอแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด "คอลลาเจน ไทพ์ทู" คอลลาเจนรูปแบบบริสุทธิ์ ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหรือมีความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม อาการปวดเข่า หรือเวลาเคลื่อนไหวแล้วมีเสียงที่ผิดปกติเกิดขึ้น
Vistra Collagen Type II คอลลาเจนไทพ์ทู เป็นคอลลาเจนที่พบได้ในกระดูกอ่อนและหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งทำหน้าที่รองรับน้ำหนักและให้ความแข็งแรงแก่ข้อต่อในขณะที่มีการเคลื่อนไหว โดยปกติแล้วในกระดูกอ่อนจะประกอบด้วยโครงข่ายของเส้นใยคอลลาเจนไทพ์ทู รวมตัวกับ กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) และ โปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) ได้แก่ แอกกริแคน (Aggrecan) ซึ่งมีไกลโคอะมิโนไกลแคน (Glycoaminoglycans) คือ คอนโดอิติน ซัลเฟต(Chondroitin Sulfate) และเคอราแทน ซัลเฟต (Keratan Sulfate) เป็นส่วนประกอบ การศึกษาพบว่าในผู้ที่น้ำหนักตัวมาก และผู้สูงอายุ กระดูกอ่อนชนิด Articular Cartilages ซึ่งมีความทนต่อแรงกระแทกจะเริ่มเสื่อมลงโดยเฉพาะที่ข้อต่อที่รับน้ำหนักเช่นข้อเข่าและสะโพก จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดข้อเสื่อม ข้ออักเสบ (Osteoarthritis)
ส่วนประกอบ Vistra Collagen Type 2 ที่สำคัญใน 1 เม็ด
คอลลาเจน ไทพ์ทู 40 mg.
วิธีรับประทาน Vistra Collagen Type 2
รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร
“คอลลาเจนชนิดที่ 2” ทางเลือกใหม่ในการดูแล…ข้อเข่า
เคยคิดกันไหมค่ะว่าโรคข้อเสื่อมเป็นโรคของผู้สูงอายุ แต่เชื่อหรือไม่ว่า 1 ใน 3 ของคนไทยมากกว่า 50% ป่วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อมด้วยอายุเพียงแค่ 40 ปี แม้แต่คนที่อายุน้อยกว่า 30 ปี ก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นโรคข้อเสื่อมได้อีกด้วย
สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่มีการใช้งานข้อเข่ามากเกินไปจนเกิดการกระแทก เข่ามีการสึกกร่อน ไม่ว่าจะเป็นการยืน การนั่ง การเดิน การวิ่ง และการกระโดด ที่อาจทำให้เกิดการอักเสบ บางคนอาจถึงขั้นเดินไม่สะดวก ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง ในขณะที่บางคนปล่อยอาการทิ้งไว้เรื้อรังจนกล้ามเนื้ออ่อนแรงลีบเล็กลง อาจถึงขั้นเดินไม่ได้หรือต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น อายุและน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อ้วนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมมากกว่าคนที่มีนำหนักตัวน้อย โดยสถิติแล้วผู้หญิงมีโอกาสที่จะเป็นข้อเข่าเสื่อมได้มากกว่าผู้ชาย
ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อม มักจะมีอาการปวด โดยเฉพาะเวลาที่ใช้ข้อเข่าจากการเดินหรือวิ่ง อาจมีอาการข้อยึด-ติด ทำให้เคลื่อนไหวลำบาก ในบางคนมีอาการข้อบวมที่เกิดจากเยื่อบุข้ออักเสบ หรือมีการสร้างน้ำไขข้อเพิ่มมากขึ้น มีความรู้สึกว่ากระดูกเสียดสีกันเวลาเคลื่อนไหวข้อ หากมีอาการรุนแรงขึ้นอาจถึงขั้นข้อเข่าผิดรูป ขาโก่ง ข้อหลวม เวลายืนหรือเดินรู้สึกไม่มั่นคง เอ็นรอบๆข้อจะหย่อน และกล้ามเนื้อรอบๆข้อมีขนาดเล็กลง นอกเหนือจากการผ่าตัดแล้ว อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ การใช้ยา โดยมียาหลายกลุ่มที่ใช้รักษาโรคข้อเสื่อม อาทิ ยาแก้ปวด ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ซึ่งอาจมีผลเสียทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
โรคข้อเข่าเสื่อมยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมอาการได้ การรักษาในปัจจุบันเป็นการบรรเทาอาการเจ็บปวดเท่านั้น เพื่อช่วยให้ข้อเข่าสามารถใช้งานได้ปกติมากที่สุด และชะลอความรุนแรงและความเสื่อมของโรคให้นานที่สุด
จากงานวิจัยในปี 2016 ของ Lugo J P และคณะ ได้ทำการศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของคอลลาเจนชนิดที่ 2 (collagen type2) ขนาด 40 มิลลิกรัมต่อวัน ในการบรรเทาอาการปวดและการอักเสบของผู้ป่วย เทียบกับกลุ่มผู้ที่รักษาด้วยสารสกัดสูตรผสมของกลูโคซามีน ขนาด 1,500 มิลลิกรัม และคอนดรอยติน ขนาด 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีกลุ่มที่ได้รับยาหลอกในผู้ป่วยทั้งหมด 191 คน ติดตามผลการรักษานาน 6 เดือน พบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 (collagen type2) สามารถบรรเทาอาการและลดการอักเสบของข้อเข่าเสื่อมได้ดี ทั้งด้านการลดอาการปวดข้อ อาการข้อเข่าติด และการใช้งานของข้อเข่า พบว่าได้ผลที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับสารสกัดสูตรผสมของทั้งกลูโคซามีนและคอนดรอยติน รวมทั้งกลุ่มที่ได้รับยาหลอก การวิจัยครั้งนี้ยังพบว่าคอลลาเจนชนิดที่ 2 (collagen type2) มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากไม่พบผลข้างเคียงใดๆเลย ต่างจากกลุ่มที่ได้รับสารสกัดสูตรผสมของกลูโคซามีนและคอนดรอยตินที่ยังมีผลข้างเคียงที่เกี่ยวข้องกับยาถึง 25% เลยทีเดียว